วิจัย/วิทยานิพนธ์1

สุธิดา  นานช้า. 2549. ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทาง      คณิตศาสตร์ที่มีต่อมโนทัศน์และความคงทนในการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัยมศึกษาปีที่1 จังหวัดตรัง. ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาการศึกษาคณิตศาสตร์  ภาควิชาหลักสูตรการสอนและเทคโนโลยีการศึกษา  คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วัตถุประสงค์

       1.ศึกษามโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์

           2.เปรียบเทียบมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ กับกลุ่มปกติ

           3.เปรียบเทียบความคงทนในการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ กับกลุ่มปกติ

วิธีการดำเนินการ

            การวิจัยเรื่อง  ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์  ที่มีต่อมโนทัศน์และความคงทนในการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1จังหวัดตรัง ผู้วิจัยมีวีธีการดำเนินการดังนี้

1.การศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

      ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในครั้งนี้ดังนี้

         1.ศึกษาเอกสาร บทความ วารสาร งานวิจัย และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักการสอน เทคนิคการสอน ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์  ทฤษฎีการพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์

         2.ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2544 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และศึกษาเนื้อหาเรื่องทศนิยมและเศษส่วนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1จากคู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์

         3.ศึกษาเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวัดประเมินผลการศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์

  2.การออกแบบการวิจัย

      การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง(Quasi Experimental Research)ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มทดลอง1กลุ่ม และกลุ่มควบคุม1กลุ่ม โดยมีแบบแผนการทดลองดังต่อไปนี้

 

 

 

      กลุ่มตัวอย่าง

  การทดลอง

  ทดสอบทันทีหลังการทดลอง

     ทดสอบหลังการทดลองแล้ว2สัปดาห์

    E

   X

-มโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์

-ผลสัมฤทธิ์ทางเรียนคณิตศาสตร์

 

-ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์

     C

   ~X

-มโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์

-ผลสัมฤทธิ์ทางเรียนคณิตศาสตร์

 

-ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์

สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการทดลอง

E   แทน   กลุ่มทดลอง

C   แทน   กลุ่มควบคุม

X   แทน   การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์

 ~X  แทน  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ

 

 3.การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

        ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต1สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

       กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองในครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยเทคนิคการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง(Purosive sampling) เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1ภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2549โรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ นักเรียนมีความแตกต่างกันมากพอสำหรับการทดลอง และในปีการศึกษา2549โรงเรียนมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1จำนวน12ห้องเรียน แต่ละห้องมี45คน โดยผู้วิจัยนำคะแนนสอบกลางปี มาหาค่ามัชฌิมเลขคณิต(  และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน(s) แล้วเลือกนักเรียนชั้นม.1จำนวน 2ห้องที่มีค่ามัชฌิมเลขคณิตใกล้เคียงกันคือม.1/1,1/2 มาทดสอบความแปรปรวนโดยใช้ค่าเอฟ ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ความแปรปรวนของนักเรียนทั้งสองห้องไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .05จากนั้นทดสอบความแตกต่างของค่ามัชฌิมเลขคณิตของคะแนนกลางปีด้วยค่าทีพบว่าคะแนนสอบกลางปีของนักเรียนทั้งสองห้องไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ.05แสดงว่า นักเรียนทั้งสองห้องมีความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไม่แตกต่างกัน จากนั้นผู้วิจัยได้จับสลากเพื่อกำหนดกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ผลปรากฎว่านักเรียนชั้นม.1/1เป็นกลุ่มทดลอง  ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และนักเรียนชั้นม.1/2เป็นกลุ่มควบคุมได้รับการจัดกิจกรรมแบบปกติ

4.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

     1.แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับกลุ่มทดลองได้รับกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์  และแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับกลุ่มควบคุมที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบปกติ  ซึ่งเขียนไว้ในแผนเดียวกันและแต่ละแผนประกอบด้วยมาตรฐานการเรียนรู้  สาระการเรียนรู้  สาระการเรียนรู้ย่อย ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สาระสำคัญกิจกรรมการเรียนรู้  ขั้นนำ ขั้นสอน ขั้นสรุป สื่อการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งสองแบบมีความแตกต่างที่กิจกรรมการเรียนรู้ โดยกลุ่มทดลองได้ทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์  ในขั้นนำ เป็นขั้นทบทวนความรู้เดิม ขั้นสอนเป็นขั้นเรียนรู้สิ่งใหม่กับพิจารณาไตร่ตรอง  และขั้นสรุปเป็นขั้นสร้างความรู้ด้วยตนเอง มีแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด20แผน โดยเวลาแผนละ1ชั่วโมงในการสอน ผู้วิจัยได้สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมดให้ครอบคลุมเนื้อหา เรื่องทศนิยมและเศษส่วน สาระการเรียนรู้พื้นฐาน ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่1นำไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้องเนื้อหาการลำดับเนื้อหา และความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วนำมาปรับปรุง และนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างต่อไป

      2.แบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ เรื่องทศนิยมและเศษส่วนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 เป็นแบบทดสอบชนิดปรนัย4ตัวเลือก จำนวน30ข้อใช้เวลาในการทำ60นาที ซึ่งมีค่าความเที่ยงเป็น.82ค่าความยากเป็น0.22-0.68และค่าอำนาจจำแนกเป็น0.22-0.77

    3.แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องทศนิยมและเศษส่วนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1เป็นแบบทดสอบชนิดปรนัย 4ตัวเลือกจำนวน30ข้อ ใช้เวลาในการทำ60นาทีซึ่งมีค่าความเที่ยงเป็น0.79ค่าความยากเป็น0.22-0.79และค่าอำนาจจำแนกเป็น0.25-0.63

5.การดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล

     การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองสอนนักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มด้วยตนเอง โดยได้ดำเนินการขั้นเตรียมการ ขั้นดำเนินการทดลอง และเก็บรวมข้อมูลดังนี้

ขั้นเตรียมการ

        1.สร้างแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์สำหรับกลุ่มทดลอง และแผนการจัดการเรียนรู้แบบปกติสำหรับกลุ่มควบคุม

        2.จัดเตรียมสื่อ อุปกรณ์ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามแผนการจัดการเรียนรู้

        3.นำหนังสือขออนุญาตดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลจากบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงณ์มหาวิทยาลัย ถึงผู้อำนวยการโรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต1 สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ขั้นดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล

        1.ดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งสองชนิดที่เตรียมไว้

       2.ทำการทดลองสอนนักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม กลุ่มละ3ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นเวลา7สัปดาห์ในภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2549โดยสอนตามชั่วโมงปกติที่ทางโรงเรียนย่านตาขาวรัฐชนูปถัมภ์ได้จัดไว้สำหรับการเรียนการสอนในเนื้อหา เรื่องทศนิยมและเศษส่วน โดยเริ่มทดลองสอนตั้งแต่วันที่18ธันวาคม2549ถึง วันที่7กุมภาพันธ์ 2550

        3.เมื่อดำเนินการสอนตามเนื้อหาที่กำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ครบ20ชั่วโมงแล้ว ดำเนินการทดสอบทันทีหลังการทดลอง โดยใช้แบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์กับนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม

       4.เมื่อผ่านไปสองสัปดาห์ ผู้วิจัยนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ฉบับเดิมและใช้เวลาเท่าเดิมมาทดสอบอีกครั้ง เพื่อวัดความคงทนในการเรียนของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม แล้วนำคะแนนจากแบบทดสอบมาวิเคราะห์ข้อมูล

6.การวิเคราะห์ข้อมูล

       นำข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์มาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ดังนี้

       1.วิเคราะห์มโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ ด้วยการใช้คะแนนสอบหลังการทดลองแบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มาคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่ามัชฌิมเลขคณิตร้อยละ เพื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ50ของคะแนนแบบสอบทั้งฉบับ

       2.เปรียบเทียบมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมโดยใช้คะแนนสอบหลังการทดลองจากแบบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์ โดยคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของค่ามัชฌิมเลขคณิตด้วยการทดสอบค่าทีที่ระดับนัยสำคัญ0.05

      3.เปรียบเทียบความคงทนของนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยใช้คะแนนสอบครั้งที่2 ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยวัดหลังจากการวัดครั้งที่1เป็นเวลา2สัปดาห์ นำมาคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของค่ามัชฌิมเลขคณิตด้วยการทดสอบค่าทีที่ระดับนัยสำคัญ.05

7.สถิติที่ใช้ในการวิจัย

         สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยสถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์รวมทั้งสถิติที่ใช้ใน

การหาค่าความเที่ยง ค่าความยาก และค่าอำนาจจำแนก ผู้วิจัยใช้โปรแกรมวิเคราะห์แบบทดสอบ(Test Analysis Program:TAP Version 6.63)

       สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

การคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิต  ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัชฌิมเลขคณิตร้อยละ  และการทดสอบค่าที  ของคะแนนทดสอบวัดมโนทัศน์ทางคณิตศาสตร์และคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียน คำนวณโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์(Statistical Package for the Social Sciences:SPSSversicn 10)

เทคโนโลยีที่ใช้คือ

โปรแกรมวิเคราะห์แบบทดสอบ(Test Analysis Program:TAP Version 6.63) ที่พัฒนาขึ้นโดยBrooks(2003)ซึ่งผู้วิจัยดาวน์โหลดมาจากhttp://oak.cats.ohiou.edu/~brooksg/tap.htm

 

โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์(Statistical Package for the Social Sciences:SPSSversicn 10)

 

        

 

 

 
 
Today, there have been 9 visitors (11 hits) on this page!
This website was created for free with Own-Free-Website.com. Would you also like to have your own website?
Sign up for free