สุนันท์ อำพลพร.2548. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2โรงเรียนไทยรัฐวิทยา68จังหวัดสระบุรี. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต(หลักสูตรและการสอน) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
วัตถุประสงค์
1.เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ด้วยวิธีการเรียนร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 และจะเกิดผลอย่างไรบ้าง ต่อนักเรียนในด้านๆต่อไปนี้
1.1ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ
1.2ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ
1.3พฤติกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ
1.4เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์
วิธีการขั้นตอนการดำเนินการ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนา เป็นการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1.ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
2.พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วนและร้อยละด้วยวิธีการแบบร่วมมือ
3.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
1.แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นด้วยตนเองจำนวน12แผน ใช้เวลาในการปฏิบัติกิจกรรมละ2ชั่วโมง
2.แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ สาระการเรียนคณิตศาสตร์เรื่อง อัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ เป็นแบบชนิดเลือกตอบ4ตัวเลือกจำนวน40ข้อ มีค่าความเที่ยง0.74ค่าความยาก ค่าอำจำแนกตั้งแต่0.20ขึ้นไป
3.แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ
4.แบบวัดเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์
3.ทดลองภาคสนาม และรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยดำเนินการทดลองภาคสนาม และรวบรวมข้อมูลดังนี้
1.ก่อนการทดลอง ให้นักเรียนกลุ่มทดลอง ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รายวิชา ค202คณิตศาสตร์2เรื่องอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ
2.ดำเนินการทดลอง โดยผู้วิจัยเป็นผู้สอนกลุ่มลองเอง ในระหว่างการทดลองผู้วิจัยและครูผู้ร่วมสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมืออีก2ท่าน ร่วมสังเกตพฤติกรรมโดยการสุ่ม ทำการสังเกตพฤติกรรมอย่างละเอียด2กลุ่ม สุ่มได้สมาชิก กลุ่มที่3และกลุ่มที่6ใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ และสังเกตพฤติกรรมโดยรวม ตรวจผลงานการอภิปรายการนำเสนอผลงาน ใบกิจกรรม การร่วมกิจกรรม แสดงแนวคิดการตอบคำถามและการสัมภาษณ์เพิ่มเติมในบางกรณีที่จำเป็น บันทึกข้อมูลลงในแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ จากนั้นผู้วิจัย และผู้สังเกตพฤติกรรมนำผลการบันทึกพิจารณาแล้วปรับปรุงให้สอดคล้องกัน
3.หลังเสร็จสิ้นแต่ละกิจกรรมให้นักเรียนแต่ละคนทำแบบทดสอบย่อย ของแต่ละสาระการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยผู้วิจัยเป็นผู้ตรวจให้คะแนน
4.หลังจากทดลองครบทั้ง12แผนการจัดกิจกรรมการเรียนู้แล้ว ให้นักเรียนแต่ละคนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คณิตศาสตร์ รหัสวิชาค202คณิตศาสตร์2 เรื่องอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ โดยผู้วิจัยเป็นผู้ตรวจให้คะแนน
5.ให้นักเรียนกลุ่มทดลองทำแบบวัดเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ และแสดงความคิดเห็นในแบบสัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นอย่างไรไม่เป็นทางการ
4.วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1.หาประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ โดยใช้การหาค่าร้อยละของคะแนนความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมระหว่างเรียน และคะแนนจากการทำแบบทดสอบย่อย กับคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน หลังเรียน และนับจำนวนนักเรียนที่ได้ผลรวมของคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80ของคะแนนเต็มทั้งหมด ว่ามีนักเรียนอยู่ร้อยละเท่าไรของจำนวนนักเรียนในกลุ่มทดลองทั้งหมด
2.ข้อมูลจากแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือสังเกตพฤติกรรมทั้ง5องค์ประกอบ นำข้อมูลมาแจกแจงความถี่หาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
3.ข้อมูลจากการทำแบบวัดเจตคติ ต่อวิชาคณิตศาสตร์โดยนำข้อมูลที่เป็นผลจากการวัดมาแจกแจงความถี่หาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4.เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนคณิตศาสตร์เรื่อง อัตราส่วนสัดส่วนและร้อยละ ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ ใช้การเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยt-test สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน
เทคโนโลยีที่ใช้คือ ใช้เกมการศึกษา
|